4 ปีที่เลิกเหล้า+4 เคล็ดลับการเลิกเหล้าไม่ง้อ AA

4 ปีที่เลิกเหล้า + เคล็ดลับในการเลิกเหล้าโดยไม่ต้องพึ่งสมาคมอดเหล้า. ภาพทางรถไฟขึ้นเขาวัง จังหวัดเพชรบุรี ภาพโดย: แมท ฮันต์ / SOPA Images
ภาพทางรถไฟขึ้นเขาวัง จังหวัดเพชรบุรี ภาพโดย: แมท ฮันต์ / SOPA Images

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ + trigger warning: โพสต์นี้มีข้อความเกี่ยวกับการเสพติดและการติตสารเสพติด

ตลอดจนรายละเอียดที่ดูเหมือนว่าจะเป็นการต่อต้านการเลิกเหล้า

ถ้าเนื้อหาส่วนใดในบทความนี้เป็นการรบกวนคุณ ขอแนะนำว่าอย่าอ่านต่อไป


วันนี้ ผมได้เลิกเหล้าเป็นเวลา 4 ปีแล้ว

ผมสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเกี่ยวกับประโยชน์ของการไม่ดื่มเหล้าเพราะมันคือความจริงข้อดีของการเลิกเหล้ามีมากกว่าเพียงตื่นมาโดยไม่มีอาการเมาค้างเท่านั้น และมันก็เป็นความจริงด้วยว่า ไม่มีใครได้ประโยชน์จากการดื่มเหล้า รวมทั้งคนที่ดื่มเป็นบางโอกาสและคนรอบข้างด้วย

ผมรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความจริง เพราะผมได้นั่งอยู่ในห้องต่าง ๆ ทั่วโลกและรับฟังนับร้อย ๆ
ชั่วโมงถึงประสบการณ์ของคนที่ดื่มเหล้า ผมได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ครอบครัวและชีวิตของพวกเขาว่าเป็นอย่างไร ผมได้ประสบด้วยตัวเองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาถึงอุบัติเหตุอันเจ็บปวด ภาวะซึมเศร้า และอาการลงแดงจนใกล้ตาย

ผมยังได้เห็นพลังและอำนาจอันน่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากการสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนที่กำลังฟื้นคืนสู่สภาพ ปกติ พลังอันมหัศจรรย์เกิดขึ้นพร้อมกับการรวมตัวของผู้คนที่กำลังเติบใหญ่เกินกว่าที่พวกเขาคิดว่าจะทำได้

ปีที่แล้ว ผมได้เผยแพร่ผลงานชิ้นแรกเกี่ยวกับการเลิกเหล้าโดยมีผลตอบรับถึงความเป็นห่วงมากมาย ผมลังเลที่จะโพสต์เพราะกลัวว่าผมจะโดนสวดชยันโตโดยไม่ต้องร้องขอ ผมเกรงว่าการเปิดเผยเกี่ยวกับกลไกภายในเกี่ยวกับการเสพติดและกระบวนการการงดเหล้าของผมจะไม่เป็น ผลดีต่อการรับงานใหม่ในฐานะนักข่าวอิสระของผม การปฏิเสธที่จะเปิดเผยเกี่ยวกับการเสพติดเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมและจารีตทางสังคม ดังนั้น ผมจึงมีความวิตกกังวลว่าอาจทำให้อาชีพการงานของผมต้องเสื่อมเสียด้วยการเผยแพร่เนื้อหาที่สำหรับบาง คนแล้ว ดูเหมือนจะเป็นเรื่องส่วนตัวและไม่เหมาะที่จะใส่ในฟีต (feed) ที่ผมโพสต์ผลงานของผมเป็นประจำ

ข่าวดีคือ สิ่งที่ผมกังวลนั้นส่วนใหญ่ไม่เป็นตามที่คิด

ตั้งแต่ปีที่ผมโพสต์บทความเป็นต้นมา ผมได้รับอีเมลและข้อความทางโซเชียลมีเดียและคำถามมากมาย หรือบางรายก็เพียงต้องการแบ่งปันกับใครบางคนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

แต่ก็มีคนไม่น้อยที่เยาะเย้ยเรื่องการเลิกเหล้าของผม หรือใช้เรื่องนี้มาโจมตีผมว่ามันก็แค่เรื่องพิมพ์มั่ว ไม่มีอะไรเป็นสาระสำคัญ อย่างไรก็ตาม ก็มีบางคนที่บิดเบือน แต่เมื่อเทียบกับผู้คนที่ติดต่อมาเพื่อขอความช่วยเหลือและขอกำลังใจมีมากอย่างล้นหลาม

สิ่งที่น่าสนใจประเด็นหนึ่งคือ จากผู้ที่ตอบมาทั้งหมดนั้นส่วนใหญ่จะเป็นนักดื่มที่ไม่มีปัญหา (รุ่นมิลเลเนียล)ที่ถือว่าการเลิกเหล้าเป็นการยกระดับศักยภาพ จึงมักจะต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในสังคมของผม ผลสะท้อนส่วนใหญ่ที่ผมได้รับจากคนที่ต้องการเลิกเหล้ากับคนอื่นแต่ไม่ต้องการเข้าไปเป็ ส่วนหนึ่งของสม าคมผู้เลิกเหล้า

ดังนั้น สำหรับประเด็นสำคัญนี้ ผมจึงอยากแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโปรแกรมของสมาคมอดเหล้าที่มาจากประสบการณ์ส่วนตัวล้วน ๆ จากการสื่อสารกับผู้คนที่กำลังคิดเลิกเหล้า มักจะมีความคิดที่เป็นอคติกับสมาคมอดเหล้าอันเป็นประเด็นที่ไม่น่าสนใจในการสร้างการเปลี่ยนแปลงกับพว กเขา และผมก็เข้าใจเหตุผลที่คิดเช่นนี้


ความเชื่อพื้นฐานของสมาคมอดเหล้าก็คือเราควรอดเหล้า 100% จึงได้ผล ผมยังคิดว่า ถ้าเป็นไปได้ มันก็เป็นความคิดที่ดีที่จะชดเชยกับผู้คนหรือสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกเสียใจ

แต่ผมก็เข้าใจข้อบกพร่องของสมาคมอดเหล้าเช่นกัน

ผมไม่เชื่อว่าสมาคมฯเป็นลัทธิที่จะต้องทำตามทุกอย่าง ถึงกระนั้นก็ตาม ผมยังคงกังวลกับการเดินเข้าไปในห้องที่มีผู้ชายสองคน (Bill W. กับ Dr. Bob)ในโพสเตอร์บนผนังข้า ข้อความเกี่ยวกับการเลิกเหล้าของพวกเขา และสิ่งที่พวกเขาคิดว่าทุกคนควรจะทำเพื่อเลิกเหล้า

หัวใจสำคัญของสมาคมฯ คือเป็นโปรแกรมที่สนับสนุนผู้คนให้ละทิ้ง “วิธีเดิมๆ” ของตนและยอมรับการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องทำอะไรมากมายเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง ข้อความที่สมาคมฯมักใช้จะเป็นคำพูดในแนวของศาสนาอย่างปฏิเสธไม่ได้ มักจะเหยียดเพศ และจำเป็นต้องได้รั้บการปรับปรุงอย่างจริงจัง เมื่อถามว่าทำไม Big Book ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1939 จึงไม่สามารถปรับให้ทันสมัยด้วยวิธีที่ไม่ทำให้ผู้คนหมางเมินจากการแสวงหาการเลิกเหล้า ผู้ที่เชื่ออย่างสุดขั้วมักจะพูดทำนองว่า “มันก็ใช้ได้ผล” หรือ “ทำไมต้องแก้ไขถ้ามันไม่ได้ล้มเหลว”

แนวทางหลักนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องสองมาตรฐานเท่านั้น ความคิดที่ว่าถ้าบางสิ่งบางอย่างใช้งานได้กับคนบางคนนั่นหมายความว่ามันไม่ล้มเหลวถือเป็นเรื่องที่ผิดอย่า งสิ้นเชิง

โปรแกรมนี้ใช้ได้ผลกับคนบางคนเท่านั้นและการปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นการเพิกเฉยคนกลุ่มใหญ่ที่ใช้ไ ม่ได้ผลในรูปแบบที่เป็นอยู่ ถ้าความเชื่อหลักของสมาคมฯคือ การช่วยเหลือผู้คนให้เลิกเหล้า มันจะต้องปรับให้เข้ากับโลกสมัยใหม่ และ/หรือเลิกปฏิเสธว่ามันเป็นโปรแกรมของพระเจ้าที่เขียนโดยผู้ชายเหยียดเพศสองคนที่ตายไปนานแล้ว

มีโปรแกรมเลิกเหล้าที่ทันสมัยมากมายที่เหมาะกับผู้คนที่แสวงหาทางเลิกเหล้าโดยไม่มีปัญหาดังกล่าวข้างต้ น เช่น SMART Recovery นอกจากนี้ยังมีกลุ่มให้ความช่วยเหลือออนไลน์มากมายที่เต็มไปด้วยคนแปลกหน้าที่เป็นมิตรซึ่งพร้อมจะให้ กำลังใจคุณ ตอบคำถาม และสนับสนุนคุณโดยไม่ประเมินลงความเห็นกับคุณ เช่น Shout out to SoberPunks Gang – The Quit Drinking Club.

ที่กล่าวว่า นี่คือ 4 สิ่งที่เป็นประโยชน์ที่ผมได้เรียนรู้จากการเลิกเหล้าโดยไม่ต้องอาศัยสมาคมฯ

1. ปรับความคิดของคุณเกี่ยวกับความเคยชินกับกิจวัตรเสียใหม่

ในการเลิกเหล้านั้น เมื่อคุณเพิ่มความเข้มมากขึ้นมักจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว เป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะรู้สึกว่าพวกเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนนิสัยโดยทำอย่างอื่นทดแทน เช่นเปลี่ยนจากการดื่มเป็นอย่างอื่นเพื่อเติมเต็มช่องว่างและเวลาที่เคยทำประจำ กิน เซ็กส์ บุหรี่ พนัน และการไปพบสมาคมอดเหล้าคือพฤติกรรมทดแทนที่มักทำกันเท่าที่ผมเห็นสำหรับการดื่มที่มีปัญหา

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผมพบว่ามันจะเป็นการง่ายกว่าที่จะมุ่งเน้นทำกิจกรรมให้มากขึ้นและขจัดความคิดเรื่องอุปนิสัยออกไปเลย อุปนิสัยมักจะเชื่อมโยงกับการคิดลบ ในขณะที่รูปแบบของการสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมมักจะเชื่อมโยงกับวิธีการใช้ชีวิตที่สุขสมบูรณ์ตลอดเวลามาก กว่า การใช้ชีวิตในกิจกรรมใหม่ ๆ ยังช่วยขจัดความรู้สึกผิดที่มักมาพร้อมกับ “การละทิ้งนิสัย”

2. จงภูมิใจในตัวเอง 

มันไม่ผิดอะไรหรอกกับการภาคภูมิใจในตัวคุณเองกับสิ่งที่คุณได้ทำและกำลังทำ การเลิกเหล้าเป็นเรื่องท้าทาย โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น การเปิดเผยตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการเลิกเหล้ายังเป็นเครื่องวัดถึงความตระหนักตน ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์และศักดิ์ศรีที่หลายคนไม่เข้าใจถ้าเขาไม่มุ่งมั่นพยายาม

ดังนั้น จงฉลองเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ในชีวิตของคุณ เขียนบทความลงบล็อกของคุณ ทานเค็กแสนอร่อยและปล่อยวางสักพัก

คนที่ไม่สามารถเข้าใจช่วงเวลาอันภาคภูมิใจในการเลิกเหล้าของคุณไม่ใช่คนที่คุณจะต้องไปคบค้าด้วย ผมขอรับประกันว่าถ้าคุณอยู่ในแวดล้อมของคนเลิกเหล้าคนอื่น ๆ พวกเขาจะเข้าใจความรู้สึกของคุณว่าทำไมคุณถึงภูมิใจกับสิ่งที่คุณทำสำเร็จ และ(มัก)จะยินดีกับคุณด้วย

3.โปรดจำไว้ว่า ไม่มีมาตรการใดใช้ได้กับทุกสิ่ง

ดังที่กล่าวข้างต้น มีหลากหลายวิธีที่จะเลิกเหล้า มันไม่ใช่เรื่องเกมตัวเลข คน 1000 คนที่เข้าร่วมประชุมกับสมาคมอดเหล้าที่โบสถ์ขนาดใหญ่มีพลังไม่ได้เหนือกว่าคน ๆ เดียวที่เลิกเหล้าด้วยตัวเองในหนึ่งวัน

โดยเฉพาะที่สมาคมฯ การพบปะผู้คนที่ได้เลิกแล้วกลับมาดื่มอีกถือเป็นเรื่องปกติ มันเป็นเรื่องปกติเช่นกันที่ผู้คนจะถ่ายทอดเรื่องใดที่บังเอิญใช้ได้ผลกับพวกเขาไปยังคนอื่น ๆ โดยถือว่านี่เป็นเพียงหนทางเดียวในการเลิกเหล้า

มันเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี

เราสามารถแบ่งปันความสุขของพวกเขาและภูมิใจกับวิธีของพวกเขา แต่อย่าลืมว่าไม่ได้มีวิธีเดียวที่จะทำเช่นนี้ ทุกวิธีสู่การฟื้นฟู แม้แต่คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่น ล้วนแต่อยู่ที่ตัวบุคคล

หมั่นถามคำถามและลองทำสิ่งใหม่ๆ บางคนอาจจำเป็นต้องพบปะทุกวัน แต่อีกหลายคนไม่ต้องการ ไม่ว่าความต้องการของเราจะแตกต่างกันเช่นไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องไม่ดื่ม การเลิกเหล้าเป็นเรื่องของคุณ และวิธีที่จะเลิกเหล้าขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง

4. ปรับความเชื่อของคุณใหม่ 

ในอินเทอร์เน็ตมีวิธีการบำบัดที่สามาถทำด้วยตัวเองได้ และผมมาที่นี่ก็คือสิ่งนี้ ผมชอบบทความเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในตัวเองที่ใช้คำแรง ๆ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ขอตั้งข้อสังเกตว่าสิ่งเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นในทำนองว่าถ้าไม่ทำตามทั้งหมดก็อย่าทำเลยด้วยข้อความเกี่ยวกับ การรักตนเองและความเชื่อตัวเอง ตัวอย่างที่เห็นกันทั่วไป เช่น

ดูผิวเผินแล้ว ข้อความเหล่านี้เข้าท่าดี แต่ในความเป็นจริงแล้วนำไปปฏิบัติไม่ได้ ถูกต้อง การพยายามรักตัวเองและสร้างกิจกรรมที่ทำให้คุณมีความเชื่อมั่นในตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผมรู้ (จากประสบการณ์) ว่าไม่จำเป็นต้องรักตัวเองเพื่อให้คนอื่นรักคุณ ผมยังรู้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องเชื่อในตัวคุณ 100% เพื่อให้คนอื่นเชื่อในสิ่งที่คุณกำลังทำ ผมไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ที่จะรักและเชื่อมั่นในตัวเอง 100% ตลอดเวลา

ในแง่ของการเลิกเหล้า สิ่งสำคัญที่จะต้องรู้ว่าแม้คุณต้องการเพียงแค่เชื่อมั่นในตัวเอง คุณก็มาถูกทางแล้ว คุณอาจจะไม่เชื่อมั่นในตัวเองในวันนี้ พรุ่งนี้ หรืออาทิตย์หน้า ถ้าคุณยังคงต้องการเชื่อมั่นในตัวเอง คุณก็มีสิ่งที่คุณต้องทำ ในทำนองเดียวกัน ถ้าคุณต้องการที่จะเลิกเหล้าแต่ไม่มั่นใจว่าจะทำสำเร็จ 100% คุณก็มาถูกทางแล้ว

การเชื่อมั่นในตัวเองไม่ใช่ว่าถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ไม่ต้องทำเลย และวิธีทำเช่นนี้ก็ไร้ประโยชน์ ถ้าคุณทำสำเร็จ 1% ก็ให้บ่มเพาะให้ไปสู่ 100% ตามที่คุณต้องการ

สำหรับใครที่สนในบทความที่ผมโพสต์เกี่ยวกับเป้าหมายสุดท้ายของผม (1000 วันในปี 2564) สามารถหาอ่านได้ที่นี่: https://writingbymatt.medium.com/5-tips-for-staying-sober-from-alcohol-e0560bf98394

ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือในการเลิกเหล้า อย่าลังเลที่จะส่งข้อความถึงผมผ่านแบบฟอร์มติดต่อ