
ถ่ายภาพและเล่าเรื่องโดย: แมท ฮันต์
นับตั้งแต่ปรากฎตัวในซีซันแรกของ Academy Fantasia ทีวีเรียลลิตี้โชว์ในปี 2547 งานของอ๊อฟ ปองศักดิ์ก็เพิ่มขึ้นเหนือกว่าศิลปินไทยรุ่นพี่ที่มีความสามารถและประสบความสำเร็จตามแนวทางที่ศิลปินส่วนใหญ่เดินตามกัน
เป็นเรื่องธรรมดาที่นักร้องนักแสดงไทยจะต้องอยู่ในอาชีพห้าถึงสิบปี เรามาพิสูจน์กัน ที่ยืนอยู่ด้านนอกไม่ไกลจากคุณเมื่อวันอังคารนั้น คือบุคคลธรรมดาเช่นเดียวกับคุณ
และมันก็เป็นเรื่องปกติที่เห็นคนบันเทิงไทยขายขนมขบเคี้ยว เครื่องเทศหรือผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่พวกเขาเปิดตัวพร้อมกับแฟน ๆ ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาในฐานะนักแสดง
นักแสดงจำนวนไม่น้อยที่ทำงานในวงการบันเทิงไทยที่เผชิญกับความจริงที่ว่าหากพวกเขายังต้องการอยู่ในวงการต่อไป พวกเขาจะต้องรักษาภาพลักษณ์ในฐานะบุคคลสาธารณะที่ค่อนข้าง “อนุรักษ์นิยม
ถ้าคนบันเทิงไทยไม่ยึดติดอยู่กับบทบาทตามที่วางกรอบไว้ในเรื่องการพูดถึงความเชื่อของตน ถ้าพวกเขาแสดงความเป็นตัวของตัวเองมากเกินไป เช่น การแสดงความคิดเห็นหรือแสดงจุดยืนทางการเมือง เป็นต้น พวกเขาก็เสี่ยงที่จะตกงานเพราะขัดต่อบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนาน บ่อยครั้งที่พวกเขาได้รับในสิ่งที่ทำได้และออกไปแสวงหากิจการอื่น ๆ ทำ
สำหรับ อ๊อฟ ปองศักดิ์ นั้นแตกต่างจากคนบันเทิงคนอื่นๆ


อ๊อฟ ปองศักดิ์ ในอิริยบทแบบชิลๆก่อนที่จะเตรียมพร้อมสำหรับ drag show ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 อ๊อฟ ปองศักดิ์ มองดูชุดที่จะใส่ก่อนที่จะเตรียมพร้อมสำหรับ drag show ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 นับตั้งแต่อ๊อฟออกทีวีครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน เขายังคงรักษาความเป็นตัวของตัวเองในสื่อ “แนวอนุรักษ์” ในอดีตและเติบโตพร้อมกับชื่อเสียงในสื่ออินเทอร์เน็ตสมัยใหม่ แม้จะไม่ชนะในการแข่งขัน แต่การปรากฎตัวของเขาในรายการแนวเรียลลิตี้โชว์ก็ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ชมชาวไทยโดยทำตัวหนักแน่นและภูมิใจในความเป็นตัวตนของเขาในฐานะนักร้องและเป็นเกย์ ขณะนั้น อ๊อฟมีอายุเพียงแค่ 16 ปี
ผู้ชมต่างทึ่งกับ “แม่อ๊อฟ” อย่างที่เพื่อนและแฟน ๆ ของเขาเรียกกัน ที่ไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่เคยพบเห็น ลักษณะเปิดเผยตรงไปตรงมาของเขาได้สร้างความภักดีและความเชื่อถือให้กับผู้ชมจนกลายเป็นแฟนของเขาอย่างรวดเร็ว
การเป็นฝ่ายริเริ่มทำตัวเปิดเผยตรงไปตรงมาที่ทำให้เขายังคงซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ต่อแฟนๆ และต่อศิลปะของเขา อันเป็นแรงขับเคลื่อนให้เขาสามารถยืนหยัดอยู่ในวงการได้นานถึง 20 ปีจนถึงปัจจุบัน
อ๊อฟเคยเป็นและยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปอย่างแน่นอน เพลงของเขาไม่มีวันล้าสมัย เขาปรับตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงและโดดเด่นด้วยการแหวกกฎเกณฑ์เดิม ๆ เขาไม่ค่อยพูดเกี่ยวกับการเมือง และเขาไม่เชื่อหรือคิดว่ามีจำเป็นต้องไปวาดหวังว่าอะไรจะมาขัดขวางอนาคตการงานของเขา แต่เขาก็ยังคงติดตามว่าอะไรที่จำเป็นต่อการทำให้อาชีพการงานของเขายั่งยืนถาวร เช่น ความสัมพันธ์กับแนวทางปฏิบัติของเขา และผลลัพธ์จากความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นระหว่างเขากับผู้ชม
วิดีโอการแสดงและการปรากฏตัวทางทีวีของเขามีผู้ชมนับหลายร้อยล้านวิวบน YouTube คำชมจากผู้ติดต่อหลายล้านคนบนหน้าโซเชียลมีเดียส่วนตัวของเขาทุกวันเพื่อดูว่าเขาทำอะไร สวมชุดอะไรและจะไปแสดงต่อที่ไหน
ผมได้ใช้เวลาหลายเดือนเพื่อเรียนรู้ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ เพื่อเรียนรู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาโดดเด่น การเป็นคนบันเทิงอาชีพเป็นอย่างไร และอะไรทำให้เขาแตกต่างจากศิลปินคนอื่นๆ ในวงการ ก่อนที่ผมจะสัมภาษณ์เขาในฐานะเพื่อน คนบันเทิงและศิลปินที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ต่อไปนี้คือส่วนแรกของภาพชุดบุคคลเชิงสารคดีซึ่งถ่ายเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ผมนั่งคุยกับอ๊อฟขณะที่เขากำลังเตรียมแสดง drag show ในเทศกาล Pride Month ที่เขาเคยแสดงเพียงสองครั้งก่อนหน้านั้น

การแสดงบนเวทีของเขาเรียกความสนใจ แต่อ๊อฟก็กระวนกระวายใจก่อนการแสดงทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการแสดง drag หรืออื่นๆ เขามักจะเอาชนะความวิตกกังวลได้โดยการหายใจลึก ๆ และย้อนคิดถึงเวลาที่เขาแสดงต่อหน้าแม่ของเขา การแสดงร่วมกับแม่คือช่วงเวลาที่มีคุณค่าที่สุดในฐานะศิลปิน

ไม่ว่าเขาจะแสดงบนเวทีหรือต่อหน้าผู้คนเพียงไม่กี่คน อ๊อฟก็พยายามให้ผู้คนรู้สึกเชื่อมโยงกับสิ่งที่เขากำล้งทำ นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงไม่ค่อยได้แสดงออนไลน์ในช่วงการล็อกดาวน์จากโควิด-19 ซึ่งเป็นช่วงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เพื่อให้การแสดงของอ๊อฟสามารถเชื่อมโยงกับแฟน ๆ ที่มีต่อผลงานของเขา สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาคือการได้อยู่ท่ามกลางแฟน ๆ ซี่งการแสดงออนไลน์สตรีมมิ่งไม่ได้ให้ความรู้สึกเช่นนั้นได้จริงๆ

เสียงหัวเราะเปรียบเสมือนสายสัมพันธ์ เป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญสำหรับอ๊อฟในฐานะศิลปินและในฐานะผู้นำ แม้ว่าเพลงยอดฮิตของเขาจะเป็นเพลงอกหัก แต่อ๊อฟก็ไม่ใช่คนที่อกหักบ่อยนัก ด้วยการให้ความสำคัญกับความเชื่อและเสียงหัวเราะอันเป็นยาวิเศษสำหรับเขานั้น เราจึงได้เห็นสิ่งเหล่านี้สะท้อนออกมาด้วยสียงหัวเราะอันอบอวนไปทั่วห้องอันเป็นขวัญและกำลังใจที่สำคัญสำหรับทีมงานของเขา

หลายคนหันไปฟังเพลงของอ๊อฟเมื่อรู้สึกทุกข์หรือเยียวยาจากการอกหัก แต่เขากลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม เมื่อเขารู้สึกท้อแท้ เขาจะไม่ฟังเพลงของตัวเองหรือเพลงใด ๆ เลย เช่นเดียวกับเรื่องอื่น ๆ เขาจะคงยืดมั่นในความเชื่อและอยู่ท่ามกลางคนอื่น ๆ ที่ทำในสิ่งที่เขารัก เขาเชื่อว่าการทำเช่นนี้จะทำให้เขาสามารถทำในสิ่งที่ทำอยู่ต่อไปได้


อ๊อฟได้รับกำลังใจและความสุขจากความสำเร็จและพลังของผู้คนที่อยู่รอบตัวเขา แน่นอนว่าเขาภูมิใจในสิ่งที่เขาประสบความสำเร็จในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา แต่เขาก็ไม่ลืมตัว ความปรารถนาที่จะเชื่อมโยงกับแฟน ๆ ของเขาหมายถึงการทำให้มั่นใจว่าเขายังคงติดดิน อันเป็นสิ่งที่เขายึดถือปฏิบัติด้วยความถ่อมตัวกับความสำเร็จของเขา




การกำหนดลมหายใจเป็นกิจวัตรประจำของอ๊อฟ ทั้งเพื่อความผ่อนคลายและการทำให้สามารถร้องเพลงในแบบที่เขาต้องการได้ เมื่อถามถึงว่าเขาสามารถที่จะรักษาความสามารถในการร้องเพลงได้อย่างไรหลังจากที่ได้ร้องเพลงอย่างเต็มปอดมาหลายปีแล้ว อ๊อฟยืนยันว่าจริงๆ แล้ว เขาไม่ได้ตระโกนหรือเกร็งแต่อย่างใดขณะที่อยู่บนเวที โดยเขาให้เหตุผลว่าระดับเสียงของเขานั้นขึ้นอยู่กับความเข้าใจในการหายใจในลักษณะที่ทำให้เขาสามารถไต่เสียงสูงได้โดยไม่ทำลายบันไดเสียง หรือทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังออกแรงเป็นพิเศษเพื่อไต่ให้ถึงเสียงนั้น เขา “แค่รู้วิธีหายใจ” ซึ่งเป็นทักษะที่เขาบอกว่าได้เปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างสม่ำเสมอเมื่อเวลาผ่านไป

เขาได้เปลี่ยนลุคตัวเองอย่างสิ้นเชิง แต่อ๊อฟก็มั่นใจว่าแฟน ๆ ของเขารู้ว่าเขาเป็นใคร และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เขารู้สึกอย่างไรกับประเด็นที่สำคัญที่สุด นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่เขามักจะไม่เข้าร่วมการสนทนาเกี่ยวกับการเมืองทางออนไลน์ ความสามารถในการแสดงตัวตนที่แท้จริงนับตั้งแต่เริ่มอาชีพนักแสดงทำให้เขารู้สึกเหมือนผู้คนจะ “รู้ว่าเขาคือใคร”

อ๊อฟสูดหายใจเข้าลึกๆ สักครู่และกล่าวคำอธิษฐานหลังฉาก ช่วงก่อนที่จะเดินออกไปหาแฟนที่รออยู่เต็มสถานที่การแสดง ผู้ชมจำนวนมากไม่เคยเห็นเขาแสดง drag แต่พวกเขาก็ฮึมเพลงตามเสียงดนตรีแล้ว




ติดตามเบื้องหลังการทำงานกับอ๊อฟ ชมภาพถ่ายเวอร์ชั่นเต็มได้ที่นี่: