สัมภาษณ์และภาพถ่าย: แมท ฮันต์
คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทย, ขณะมีอายุเพียง 44 ปี; สมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งยังคงเป็นหนึ่งในยุคที่ได้รับการถกเถียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ท่านดำรงตำแหน่งระหว่างเดือนธันวาคม 2551 ถึงสิงหาคม 2554,นายกฯ อภิสิทธิ์ เกิดในประเทศอังกฤษ, และจบการศึกษาจากออกซฟอร์ด เป็นอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยขึ้นสู่ตำแหน่งท่ามกลางช่วงเวลาแห่งสงครามกฎหมายและความแตกแยกทางการเมืองอย่างรุนแรง บัดนี้,กว่าทศวรรษผ่านไป, ได้กล่าวคำขอโทษสำหรับการปราบปรามผู้ประท้วง “เสื้อแดง” ที่สนับสนุนทักษิณซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตในปี 2553 อีกทั้งได้นำเสนอมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับมรดกอันซับซ้อนของท่าน – ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ถูกนิยามด้วยนโยบายสังคมที่ทะเยอทะยานแต่ถูกบดบังด้วยความรุนแรงทางการเมือง
การรับมือวิกฤต: วาระทางเศรษฐกิจและสังคมของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ท่านเข้ารับตำแหน่งท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกและความวุ่นวายภายในประเทศ, รัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์ได้ออกชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทันที แพลตฟอร์มหลัก,ของรัฐบาลท่านคือ “วาระประชาชน” มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างระบบสวัสดิการสังคมของประเทศไทย โครงการสำคัญรวมถึงโครงการเรียนฟรี 15 ปี, เงินอุดหนุนสำหรับผู้มีรายได้น้อย, และความก้าวหน้าในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศ นโยบายเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อบรรเทาความยากจนและกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ, ทำให้ท่านได้รับการชื่นชมจากการให้ความสำคัญกับระบบสวัสดิการสังคมในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน
อย่างไรก็ตาม, การเป็นนายกรัฐมนตรีของท่านถูกท้าทายอย่างต่อเนื่องด้วยคำถามเกี่ยวกับความชอบธรรมจากฝ่ายค้าน, ซึ่งมองว่าการขึ้นสู่อำนาจของท่านผ่านการลงคะแนนเสียงในรัฐสภา—แทนที่จะเป็นการเลือกตั้งทั่วไป—นั้นไม่เป็นประชาธิปไตย การแบ่งแยกที่ฝังรากลึกนี้ได้ปูทางไปสู่วิกฤตการณ์สำคัญของการเป็นผู้นำของท่าน
การปราบปรามเสื้อแดง ปี 2553: โศกนาฏกรรมที่สำคัญยิ่ง
ในเดือนมีนาคม 2553, กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), หรือที่รู้จักกันในนาม “เสื้อแดง,” ได้จัดการประท้วงครั้งใหญ่ในกรุงเทพฯ, เพื่อเรียกร้องให้คุณอภิสิทธิ์ลาออกและจัดการเลือกตั้งใหม่ การชุมนุมทำให้ใจกลางเศรษฐกิจของเมืองหลวงเป็นอัมพาตนานหลายสัปดาห์, นำไปสู่การปราบปรามโดยทหารที่ร้ายแรงระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม 2553 การเผชิญหน้าครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 90 ราย, บาดเจ็บหลายพันคน, และทิ้งบาดแผลลึกไว้ในจิตใจของคนในชาติ
ความไม่สงบทางการเมืองในปี 2553
ยังคงเป็นบทที่ก่อให้เกิดการถกเถียงมากที่สุดในสมัยที่คุณอภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่ง กลุ่มสิทธิมนุษยชนและฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อการตัดสินใจใช้กำลัง หลายคนเชื่อว่าการตัดสินใจใช้กำลังดังกล่าวไม่ได้กระทำโดยนายกรัฐมนตรี, ส่งผลให้ไม่มีการคลี่คลายมานานกว่าทศวรรษ
นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ในปัจจุบัน
หลังจากพ่ายแพ้การเลือกตั้งทั่วไปในปี 2554, คุณอภิสิทธิ์ยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนที่จะลาออกอย่างเป็นทางการในปี 2562, หลังจากที่พรรคโหวตให้เข้าร่วมรัฐบาลผสมกับพรรคพลังประชารัฐ,ที่จัดตั้งโดยทหาร ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ท่านคัดค้านอย่างรุนแรง
นับตั้งแต่ถอยห่างจากการเมืองแนวหน้า, คุณอภิสิทธิ์ได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นรัฐบุรุษและนักคิดสาธารณะ ท่านมักจะเข้าร่วมในเวทีวิชาการและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองไทย, นโยบายเศรษฐกิจ, และอนาคตของประชาธิปไตยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การกลับคืนสู่เวทีการเมืองของท่านยังไม่แน่นอน, แต่ทัศนคติของท่านเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศไทยที่จะเผชิญหน้ากับประเด็นที่ซับซ้อนเกี่ยวกับความยุติธรรม, ความอดทน, และการปรองดองบนเส้นทางข้างหน้าอีกครั้ง
เราได้พูดคุยกันในหลากหลายประเด็น, รวมถึงประเด็นทางการเมืองในปัจจุบันและอนาคตของประชาธิปไตยไทย, ที่ SAC แกลเลอรี กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม, 2568







ถ้าคุณเห็นว่าเนื้อหานี้มีประโยชน์และต้องการที่จะสนับสนุนงานของผม โปรดพิจารณาช่วยเหลือด้วยการมอบค่าทิปเพื่อเป็นกำลังใจแก่ผม